BTCC / BTCC Square / siamblockchainTH /
คนงบน้อยมีเฮ! กลยุทธ์เกษียณด้วยคริปโตจากเซียนหุ้น ปั้นพอร์ต “หลักล้าน” จากเงินไม่กี่บาท

คนงบน้อยมีเฮ! กลยุทธ์เกษียณด้วยคริปโตจากเซียนหุ้น ปั้นพอร์ต “หลักล้าน” จากเงินไม่กี่บาท

Published:
2025-12-03 02:25:00
20
3

การออมเพื่อเกษียณแบบเดิมๆ กำลังถูกท้าทายโดยกลยุทธ์ใหม่ที่ใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเครื่องมือหลัก

แผนการที่ว่านี้ไม่ใช่การเล่นหุ้นธรรมดา แต่เป็นการประยุกต์หลักการลงทุนระยะยาวเข้ากับตลาดคริปโตเคอร์เรนซี โดยมุ่งเน้นที่การสะสมสินทรัพย์จากเงินทุนเริ่มต้นเพียงเล็กน้อย

หลักการสำคัญ: สะสมเมื่อราคาตก

หัวใจของกลยุทธ์นี้คือวินัยในการซื้อสะสม (DCA) ในช่วงตลาดขาลง แทนที่จะไล่ซื้อตอนขาขึ้น ผู้ลงทุนจะแบ่งเงินจำนวนเล็กน้อยเข้าซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างสม่ำเสมอ

เลือกสินทรัพย์ให้ถูก

ไม่ใช่ทุกโทเคนจะเหมาะกับแผนเกษียณ กลยุทธ์นี้เน้นสินทรัพย์พื้นฐานแข็งแกร่งที่มีศักยภาพในการฟื้นตัวและเติบโตในระยะยาว มากกว่าการไล่ตามเทรนด์ระยะสั้น

มันคือการท้าทายแนวคิดการออมแบบดั้งเดิม—ในยุคที่ดอกเบี้ยเงินฝากแทบเอาชนะอัตราเงินเฟ้อไม่ได้—ด้วยเครื่องมือใหม่ที่ให้โอกาสเติบโตแบบทวีคูณ แม้จะเริ่มจากจุดที่หลายคนมองว่า 'น้อยเกินไป'

1. ตั้งโจทย์: คุณอยากมีเงินใช้เดือนละเท่าไหร่?

ก่อนจะถามว่าจะซื้อเหรียญอะไร ต้องถามก่อนว่า “ถ้าหยุดทำงาน คุณต้องใช้เงินเดือนละเท่าไหร่?”

ในโลกของการลงทุนหุ้น เรามักที่จะหวังเงินปันผล แต่ในโลกคริปโต เราเรียกสิ่งนี้ว่า “Staking Rewards” หรือ “Yield”

  • โจทย์ตัวอย่าง: คุณต้องการเงินเพิ่มขึ้นเดือนละ 15,000 บาท จากการลงทุน
  • หมายความว่าปีหนึ่งจะต้องมีเงิน : 15,000 x 12 = 180,000 บาท/ปี

2. คำนวณขนาดพอร์ตที่ต้องมี 

เมื่อได้เป้าหมายเบื้องต้นมาแล้วขั้นถัดมาที่เราต้องวางแผนคือขนาดพอร์ตการลงทุนของเราซึ่งสูตรคลาสสิกคือ : รายจ่ายต่อปี / อัตราผลตอบแทนคาดหวัง = ขนาดพอร์ตที่ต้องมี

ในโลกคริปโต เราสามารถหาผลตอบแทนที่ปลอดภัยระดับ Low-Risk ได้หลายรูปแบบ (เช่น Staking ETH หรือฝาก Stablecoin) ซึ่งจะได้เงินเฉลี่ยประมาณ 4% – 6% ต่อปี 

  • คำนวณ: 180,000 / 5% (0.05) = 3,600,000 บาท
  • นี่คือตัวเลขเป้าหมายของคุณ โดยพอร์ตต้องโตไปถึง 3.6 ล้านบาท เพื่อที่จะสร้างเงินสดให้คุณใช้เดือนละ 15,000 บาท

3. คำนวณเงินลงทุน: ต้อง DCA เดือนละเท่าไหร่?

สมมติเป้าหมายคือการมีเงินสด 3.6 ล้านบาท ถ้าหากเรานำเงินไปฝากธนาคาร (ดอกเบี้ย 1.5%) จะต้องออมเดือนละ 17,800 บาท และกว่าจะได้เงินจำนวนนี้ต้องใช้เวลาถึง 15 ปี 

กลับกันถ้าลงทุนในคริปโตโดยคาดหวังผลตอบแทนทบต้นเฉลี่ย (CAGR) ของ Bitcoin ที่ประมาณ 15% – 20% ต่อปี จะทำให้เงินที่ต้องลงทุนนั้น ลดลงเหลือ 5,500 – 6,000 บาท หากใช้เวลาเก็บเท่ากับเงินฝาก แต่ถ้าออมเงินเต็มจำนวนจะสามารถร่นระยะเวลาจาก 15 ปี ให้เหลือเพียงแค่ 8 ปี 5 เดือน เท่านั้น

4. ประเภทผลตอบแทน: Growth vs. Yield 

ในการปั้นพอร์ตคริปโตให้งอกงาม ใช่ว่าการทุ่มเงินทั้งหมดแล้วเอาไปฝากหาดอกเบี้ยใช่ว่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด กลับกันการลงทุนในคริปโตควรแบ่งออกเป็น 2 ช่วงเวลาชัดเจน เหมือนการปลูกต้นไม้

ช่วงเพาะปลูก : เน้น Capital Gain 

ในช่วงนี้จะเป็นช่วงเริ่มต้นในการลงทุน เราต้องการให้เงินต้น 1,000 บาท โตเป็น 10,000 บาท ซึ่งการทำเช่นนั้นได้เราต้องหวังให้ราคาของสินทรัพย์พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง และจะตามมาด้วยความเสี่ยงที่สูงยิ่งขึ้น

ทว่า หากวัดกันตามสถิติแล้ว Bitcoin ถือเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่น่าสนใจเพราะยังไม่เคยมีใครที่ “ติดดอย” หากถือนานพอ และจากวัฏจักรล่าสุด Bitcoin ได้พุ่งขึ้นมาจากจุดต่ำสุดถึง 750% เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดใหม่ นั่นจึงทำให้ช่วงนี้เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการสร้างฐานเงินต้นให้มั่นคง

ช่วงเก็บเกี่ยว : เน้น Yield (ดอกเบี้ย/รางวัล)

เมื่อพอร์ตของเราโตมากเพียงพอแล้ว ขั้นถัดมาคือการลดความเสี่ยงให้ต่ำลงในขณะที่ยังคงรักษาผลตอบแทนที่ได้ นั่นจึงทำให้รูปแบบที่สองของการลงทุนในคริปโตเป็นที่น่าสนใจกว่าอย่างการสร้าง Yield ผ่านทางการฝาก Stablecoin เช่น USDT/USDC 

จริงอยู่ว่ากำไรเป็นเปอร์เซนต์อาจจะน้อยเมื่อเทียบกับการถือคริปโตตามปกติ แต่ก็มีข้อดีตรงที่ไม่ต้องปวดหัวเรื่องความผันผวนของราคา เว้นเสียแต่ว่าจะเกิดมูลค่าหลุด Peg ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้

ส่วนถ้าใครอยากจะเสี่ยงมากขึ้นไปอีก การ Staking เหรียญชั้นนำอย่าง Ethereum และ Solana ก็น่าสนใจไม่น้อยเพราะสามารถได้เหรียญเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องทำอะไรนอกจากล็อคเหรียญ และสามารถขายออกไปได้เมื่อราคาสูงขึ้น

5. การจัดพอร์ตในช่วงปั้นพอร์ต 

เป้าหมาย: โตให้ไวที่สุด แต่อย่าให้เงินต้นหาย พยายาม DCA ทุกเดือน ไม่สนราคา

สินทรัพย์สัดส่วนเหตุผล
Bitcoin (BTC)70%เป็นสินทรัพย์ที่ผันผวนน้อยกว่า ใช้รักษาเสถียรภาพพอร์ต
Ethereum (ETH)30%คาดหวังผลเติบโตที่สูงกว่า BTC เล็กน้อย แต่ยังคงต้องการความปลอดภัยของโปรเจกต์ว่าจะไม่ล้ม

Note : ยังไม่ต้องถือ Stablecoin ในช่วงนี้ เพราะเราต้องการให้พอร์ตเติบโตเต็มที่ และไม่ควรถือเหรียญซิ่ง (เหรียญมีม,เหรียญกระแส) เพราะถ้าพลาด เงินต้นหาย แผนเกษียณพัง ให้แบ่งไปเป็นพอร์ตลงทุนแยกต่างหากดีกว่า

6. การจัดพอร์ตช่วงรับปันผล 

เมื่อพอร์ตโตถึง 3.6 ล้านบาทแล้ว ให้ทำการ Rebalance เปลี่ยนจาก “เน้นโต” มาเป็น “เน้นเงินปันผล” คล้ายกับคอนเซปต์ Covered Call ETF หรือ Dividend Stock

เป้าหมาย: สร้าง Cashflow 15,000 บาท/เดือน + รักษาเงินต้น

สินทรัพย์สัดส่วนวิธีการหารายได้ (Yield)
USDT/USDC (Stablecoin)40%นำไปฝากกินดอกเบี้ยบนกระดานเทรดใหญ่ๆ ได้ 1-10% ต่อปี (ความเสี่ยงต่ำสุด)
Ethereum (Staked)40%นำไป Stake บนเชน (Liquid Staking) ได้ประมาณ 3-4% + ลุ้นราคาเหรียญขึ้นต่อ
Bitcoin20%ถือไว้เฉยๆ เพื่อเป็น Store of Value ป้องกันเงินเฟ้อระยะยาว

Note : หากเชี่ยวชาญและมีความรู้ในโลกคริปโต การทำ Covered Call อาจเป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจในการสร้างรายได้ ซึ่งหลักการก็คือ ฝาก BTC/ETH/USDT ไว้ โดยตกลงว่าจะขายหรือซื้อที่ราคาหนึ่ง หากไม่ถึงเกณฑ์ เราจะได้ดอกเบี้ยที่สูงมาก (บางที 20-50% APR) แต่ไม่เหมาะสำหรับมือใหม่ เพราะต้องมีความชำนาญสูง

บทสรุปและคำแนะนำ 

ก่อนที่เราจะเริ่มลงทุนอย่างจริงจังขอให้พึงระลึกไว้เสมอว่าการลงทุนนั้นมีความเสี่ยง อย่าเพิ่งลงเงินก้อนทั้งหมดตูมเดียว เพราะตลาดคริปโตผันผวนกว่าหุ้น 10 เท่า ดังนั้นควรเริ่ม DCA ด้วยเงินน้อยๆ ก่อน

เมื่อพอร์ตโตขึ้นมาถึงระดับหนึ่งแล้ว ก็ควรเริ่มที่จะไปศึกษา Hardware Wallet ตามวลีเด็ด Not Your Keys Not Your Coins เพราะไม่มีที่ไหนจะปลอดภัยเท่ากับเก็บไว้กับตัวคุณเอง 

สุดท้ายนี้ การลงทุนเพื่อให้มั่งคั่งนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องตื่นเต้นหวือหวา ได้ผลตอบแทนทีร้อยเท่าพันเท่า กลับกันการลงทุนที่ดูน่าเบื่อและใช้เวลานานอาจเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดเพื่อนำไปสู่ความมั่นคงทางการเงินในชีวิต

บทความนี้เป็นเพียงกรณีศึกษาและแนวทางการลงทุน ไม่ใช่คำแนะนำทางการเงิน การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง โปรดศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจ

ที่มา : Youtube

|Square

ดาวน์โหลดแอป BTCC เพื่อเริ่มต้นเส้นทางคริปโตของคุณ

สมัครเลยวันนี้ สแกน เพื่อเข้าร่วมชุมชนที่มีผู้ใช้ กว่า 100 ล้านคน

Sorumluluk Reddi: Bu platformda yeniden yayınlanan tüm makaleler, kamu ağlarından kaynaklanmaktadır ve yalnızca sektör bilgilerini yayma amacı taşımaktadır. BTCC'nin herhangi bir resmi tutumunu temsil etmez. Tüm fikri mülkiyet hakları asıl yazarlarına aittir. Herhangi bir içeriğin haklarınızı ihlal ettiğine veya telif hakkı ihlali şüphesi olduğuna inanıyorsanız, lütfen [email protected] adresi üzerinden bizimle iletişime geçin. Konuyu derhal ve ilgili yasalara uygun olarak ele alacağız.