โศกนาฏกรรมเวียนนา! ลูกรองนายกฯ ยูเครนถูกอุ้มฆ่าเผาทั้งเป็น หลังคนร้ายบีบคาย ’รหัสคริปโทฯ’

ความมืดมนของเทคโนโลยีดิจิทัลฉายแสงสว่างบนอาชญากรรมอันโหดร้ายในกรุงเวียนนา เหตุการณ์ลักพาตัวและสังหารโหดลูกชายของรองนายกรัฐมนตรียูเครน ส่งคลื่นช็อกไปทั่ววงการ

### เงามืดของ 'การถือครองดิจิทัล'

รายงานเบื้องต้นชี้ว่า ผู้ก่อเหตุบังคับให้เหยื่อเปิดเผยข้อมูลการเข้าถึงทรัพย์สินคริปโทเคอร์เรนซีก่อนลงมือสุดโหด นี่ไม่ใช่แค่การฆาตกรรมธรรมดา—มันคือการปล้นสะดมในรูปแบบใหม่ที่ไร้ซึ่งขอบเขตทางกายภาพ

### เส้นแบ่งระหว่างความเป็นส่วนตัวกับความปลอดภัย

กรณีนี้ตอกย้ำความเปราะบางของระบบรักษาความปลอดภัยส่วนบุคคลในยุคดิจิทัล เมื่อรหัสผ่านและคีย์ส่วนตัวสามารถกลายเป็นข้ออ้างให้เกิดความรุนแรงได้จริงๆ วงการคริปโทพูดถึงการ 'เป็นเจ้าแห่งรหัสส่วนตัวของตัวเอง' มาตลอด—แต่ดูเหมือนบางคนยินดีจะฆ่าเพื่อความเป็นเจ้านั้น

### อนาคตที่มืดมนของนวัตกรรมทางการเงิน?

ขณะที่ตลาดคริปโทยังคงพูดถึงการเติบโตและโอกาสการลงทุน เหตุการณ์เช่นนี้เป็นเครื่องเตือนใจอันน่าสยดสยอง: เทคโนโลยีที่ควรจะปลดปล่อยเราอาจกลายเป็นพันธนาการใหม่ได้ (และใช่ นี่คือเหตุผลที่คนในวอลล์สตรีทชอบพูดว่า 'ฉันจะยึดทองคำจริงๆ ไว้ก่อน')

ความก้าวหน้าทางการเงินมาพร้อมกับเงามืดของมันเอง—และบางครั้ง เงานั้นก็เปื้อนเลือด

เปิดนาทีสังหารโหดกลางกรุงเวียนนา

ผู้เสียชีวิตคือ Danylo K. วัย 21 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายของรองนายกเทศมนตรีเมืองคาร์คิฟ (Kharkiv) ประเทศยูเครน ร่างของเขาถูกพบเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ในสภาพไหม้เกรียมบริเวณเบาะหลังของรถยนต์ Mercedes S 350D ทะเบียนยูเครน ซึ่งจอดทิ้งไว้ใต้แนวรถไฟ Ostbahn ในเขต Donaustadt

จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจออสเตรีย พบว่า เหตุการณ์เริ่มขึ้นที่ลานจอดรถใต้ดินของโรงแรมหรู Sofitel “SO/Vienna” โดยคนร้ายซึ่งเป็นชาวยูเครน 2 ราย (อายุ 19 ปี และ 45 ปี) ได้ดักทำร้ายร่างกายเหยื่ออย่างรุนแรงจนเลือดนองพื้น ก่อนจะลักพาตัวขึ้นรถไปยังสถานที่เปลี่ยว

รายงานระบุว่า Danylo ถูกทรมานอย่างหนักเป็นเวลานานจนฟันหลุดออกจากปาก เพื่อบีบบังคับให้บอกรหัสผ่าน Seed Phrase ของบัญชีคริปโทเคอร์เรนซี เมื่อคนร้ายเข้าถึงบัญชีและโอนเงินออกไปจนเกลี้ยงแล้ว จึงใช้น้ำมันราดและจุดไฟเผาเหยื่อทั้งเป็น ส่งผลให้ Danylo เสียชีวิตจากการสำลักควันและความร้อน

การไล่ล่าข้ามพรมแดนและการจับกุม

ตำรวจเวียนนาสามารถระบุตัวคนร้ายได้จากกล้องวงจรปิด ทั้งในขณะเกิดเหตุที่โรงแรมและขณะแวะซื้อน้ำมันเชื้อเพลิง โดยพบว่าหลังก่อเหตุทั้งคู่ได้ขับรถหลบหนีข้ามพรมแดนกลับไปยังประเทศยูเครนทันที

อย่างไรก็ตาม ทางการยูเครนสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองรายได้ในวันที่ 29 พฤศจิกายน พร้อมของกลางเป็น “เงินสดสกุลดอลลาร์สหรัฐจำนวนมหาศาล” ซึ่งคาดว่าเกิดจากการเร่งเทขายคริปโทฯ ที่ขโมยมาเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินสดอย่างรวดเร็ว

ปัจจุบันคดีนี้ถูกโอนไปอยู่ภายใต้อำนาจการสอบสวนของทางการยูเครน เนื่องจากกฎหมายการส่งผู้ร้ายข้ามแดน

ที่มา :  cryptonews