ไมเคิล เซย์เลอร์ ประกาศชัด: Bitcoin ทรงพลังยิ่งกว่า Google และกองทัพเรือสหรัฐฯ รวมกัน

เสียงประกาศก้องจากผู้บุกเบิกวงการคริปโต: ไมเคิล เซย์เลอร์ ยืนยันความยิ่งใหญ่ของ Bitcoin ที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของเทคโนโลยีและอำนาจทางทหารแบบดั้งเดิม

### มูลค่าที่วัดกันที่อะไร?

เซย์เลอร์ไม่ได้มองเพียงราคาตลาดหรือจำนวนผู้ใช้ แต่พุ่งเป้าไปที่ 'ความแข็งแกร่งของเครือข่าย' – พลังการคำนวณ, การกระจายอำนาจ, และความต้านทานต่อการเซ็นเซอร์ที่ทำให้ Bitcoin กลายเป็นสถาบันดิจิทัลที่แท้จริง มันไม่ใช่แค่บริษัทหรือกองทัพ แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินรุ่นใหม่ที่ทำงานโดยไม่มีการควบคุมจากศูนย์กลาง

### ทำไมการเปรียบเทียบนี้จึงสำคัญ?

เพราะมันตอกย้ำการเปลี่ยนกระบวนทัศน์: เรากำลังพูดถึงระบบที่อยู่เหนือการกำกับดูแลของรัฐหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่ง Google อาจจัดระเบียบข้อมูลโลก, กองทัพเรืออาจปกป้องน่านน้ำ, แต่ Bitcoin ปกป้องและถ่ายโอนมูลค่าทั่วโลก – ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีวันหยุด และเกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะปิดกั้น

### คำเตือนจากสายตาของนักการเงิน

แน่นอนว่านักวิเคราะห์วอลล์สตรีทสายเก่าอาจถอนหายใจและบอกว่านี่คือการพูดเกินจริงแบบสุดโต่ง – พวกเขาคุ้นเคยกับการประเมินมูลค่าจากงบดุลและกระแสเงินสด, ไม่ใช่จากค่านิยมและโค้ดคอมพิวเตอร์ (และนั่นคือเหตุผลที่พวกเขาพลาดโอกาสครั้งใหญ่ตั้งแต่แรก)

บทสรุปชัดเจน: นี่ไม่ใช่แค่การเปรียบเทียบเพื่อสร้างกระแส แต่เป็นการประกาศสถานะของ Bitcoin ในฐานะพลังโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก – อาจเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับสำหรับบางคน, แต่สำหรับผู้ที่เข้าใจกลไกของมัน, นี่คือความเป็นจริงที่กำลังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา

ธนาคารกลับลำ 180 องศา เลิกต่อต้านหันมาเข้าร่วม

Saylor ชี้ให้เห็นถึงจุดเปลี่ยนสำคัญในแวดวงการเงินสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่วางตัวเป็น ประธานาธิบดี Bitcoin และการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่สายคริปโตอย่าง Scott Bessent และ Paul Atkins เข้าสู่ตำแหน่งสำคัญ

การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองนี้ส่งผลให้ธนาคารยักษ์ใหญ่ที่เคยตั้งแง่รังเกียจคริปโตต้องกลับลำนโยบาย โดยปัจจุบัน 8 ใน 10 ธนาคารชั้นนำของสหรัฐฯ เช่น JPMorgan, Citi, Wells Fargo และ Bank of America ได้เริ่มให้บริการรับฝากสินทรัพย์และปล่อยกู้คริปโตอย่างเป็นทางการแล้ว

Strategy เปิดตัว Stretch ผลิตภัณฑ์การเงินที่สร้างโดย AI

ในส่วนของบริษัท Strategy ซึ่งปัจจุบันถือครอง Bitcoin อยู่ราว 650,000 BTC และตั้งเป้าจะมีสินทรัพย์มากกว่าบริษัทใน S&P 500 ทั้งหมด

ในงานนี้ Saylor ยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์สินเชื่อดิจิทัลชุดใหม่ ได้แก่ Strife, Stride และ Stretch ความพิเศษอยู่ที่ Stretch ซึ่ง Saylor เคลมว่าเป็นหุ้นบุริมสิทธิแบบอัตราดอกเบี้ยลอยตัวตัวแรกของโลกที่ถูกออกแบบโดยความช่วยเหลือของ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) หลังจากที่ทีมกฎหมายและนายธนาคารเคยบอกว่าเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาไม่ได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าตลาดเงินทั่วไปที่ให้ผลตอบแทนเพียง 3%

ที่มา: yahoo