จับตาประชุม BoJ สัปดาห์นี้! เตือน Bitcoin อาจร่วงสู่ $63,000 หลังญี่ปุ่นขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกใน 30 ปี
- BoJ กับนโยบายดอกเบี้ยที่อาจเปลี่ยนทิศทาง
- Bitcoin กับความเสี่ยงจากสภาพคล่องที่ลดลง
- บทวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ
- ประวัติศาสตร์สอนอะไรเรา?
- คำถามที่พบบ่อย
ตลาดคริปโตกำลังจับตาการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด หลังนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า Bitcoin อาจร่วงหนักสู่ระดับ 63,000 ดอลลาร์ หากญี่ปุ่นประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ทศวรรษ
BoJ กับนโยบายดอกเบี้ยที่อาจเปลี่ยนทิศทาง
การประชุม BoJ ในวันที่ 19 ธันวาคม 2025 นี้ถูกจับตามองเป็นพิเศษ หลังจากมีสัญญาณว่าว่าญี่ปุ่นอาจปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยจาก 0.25% เป็น 0.75% ซึ่งจะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1995 การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสภาพคล่องทั่วโลกและตลาดสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโตเคอร์เรนซี
Bitcoin กับความเสี่ยงจากสภาพคล่องที่ลดลง
ข้อมูลจาก CoinMarketCap ชี้ให้เห็นว่า Bitcoin ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 86,000 ดอลลาร์ ลดลงกว่า 30% จากจุดสูงสุดที่ 126,000 ดอลลาร์เมื่อเดือนที่แล้ว นักวิเคราะห์จาก BTCC มองว่าว่าหาก BoJ ขึ้นดอกเบี้ยจริง Bitcoin อาจร่วงต่ออีก 27% มาอยู่ที่ 63,000 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนจะหันไปถือสกุลเงินปลอดภัยมากขึ้น
บทวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ
"ในประสบการณ์ของผม การขึ้นดอกเบี้ยของญี่ปุ่นจะดึงสภาพคล่องออกจากตลาดคริปโตอย่างมีนัยสำคัญ" นักวิเคราะห์อาอาวุโสจาก BTCC ให้ความเห็น "เราเห็นรูปแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อสหรัฐฯ เริ่มขึ้นดอกเบี้ยในปี 2022 และตอนนี้ญี่ปุ่นอาจเป็นตัวเร่งให้ตลาดปรับตัวลงอีก"
ประวัติศาสตร์สอนอะไรเรา?
การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางมักส่งผลลบต่อ Bitcoin ในระยะสั้น:
- ปี 2018: Bitcoin ร่วง 40% หลัง Fed ขึ้นดอกเบี้ย
- ปี 2022: Bitcoin ร่วง 65% จาก ATH เมื่อ Fed เริ่มนโยบายเข้มงวด
คำถามที่พบบ่อย
ทำไมการขึ้นดอกเบี้ยของญี่ปุ่นถึงส่งผลต่อ Bitcoin?
การขึ้นดอกเบี้ยทำให้เงินเยนน่าสนใจมากขึ้น นักลงทุนจึงอาจลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง Bitcoin เพื่อไปถือเงินเยนแทน ส่งผลให้ราราคาลดลง
Bitcoin จะฟื้นตัวได้หรือไม่หาก BoJ ขึ้นดอกเบี้ย?
จากประวัติศาสตร์ Bitcoin มักใช้เวลา 6-12 เดือนในการปรับตัวหลังเกิดภาวะช็อกด้านนโยบายการเงิน แต่ในที่สุดก็จะฟื้นตัวได้เสมอ
นักลงทุนควรทำอย่างไรในสถานการณ์นี้?
นี่ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน แต่โดยทั่วไปนักลงทุนระยะยาวมักมองการปรับตัวลงเป็นโอกาสสะสม ในขณะที่นักเก็งกำไรอาจพิจารณาใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยง