CTO Ledger เ เตือนภัย! แก๊งคอลเซ็นเตอร์สายคริปโตเช่า ‘มัลแวร์’ เดือนละแสนบาท ไล่โจมตีกระเป๋าเงินดิจิทัล (2025)
- เทคนิคการโจรกรรมแบบใหม่ผ่านพอดแคสต์
- ธุรกิจมัลแวร์แบบเช่า (Malware-as-a-Service)
- วิธีป้องกันตัวเองจากมัลแวร์คริปโต
- สถิติการโจรกรรมคริปโตปี 2025
- บทสรุปและคำแนะนำ
- คำถามที่พบบ่อย
Charles Guillemet หัวหน้าหน้าฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) ของ Ledger ได้ออกมาเตือนเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้มัลแวร์โจมตีนักลงทุนคริปโต โดยมีการเช่ามัลแวร์ในราคาสูงถึงเดือนละ 110,000 บาท เพื่อโจรกรรมเงินดิจิทัลจากเหยื่อ ซึ่งวิธีการล่าสุดคือการหลอกให้ติดตั้งซอฟต์แวร์ปลอมผ่านการชวนร่วมพอดแคสต์
เทคนิคการโจรกรรมแบบใหม่ผ่านพอดแคสต์
Zak Cole นักพัฒนาชื่อดังในวงการ Ethereum เกือบตกเป็นเหยื่อเมื่อถูกชวนร่วมพอดแคสต์ โดยแฮกเกอร์พยายามหลอกให้เขาติดตั้ง "ซอฟต์แวร์บันทึกพอดแคสต์" ที่แท้จริงแล้วเป็นมัลแวร์ขโมย Private Key การโจมตีครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นของแฮกเกอร์ ที่ไม่เพียงใช้วิธีกดดันทางจิตวิทยา แต่ยังสร้างสถานการณ์ที่น่าเชื่อถืออย่างการสัมภาษณ์พอดแคสต์
ธุรกิจมัลแวร์แบบเช่า (Malware-as-a-Service)
Charles เปิดเผยว่าว่ามีตลาดมืดให้เช่า่ามัลแวร์ราราคาเดือนละ 3,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 110,000 บาท) โดยบริการเหล่านี้มีทั้งมัลแวร์แบบสำเร็จรูปและแบบปรับแต่งตามความต้องการ แก๊งคอลเซ็นเตอร์นิยมใช้บริการนี้เพราะลดความเสี่ยงในการพัฒนามัลแวร์เอง และสามารถเปลี่ยนรูปแบบการโจมตีได้บ่อยครั้ง
วิธีป้องกันตัวเองจากมัลแวร์คริปโต
ผู้เชี่ยวชาญจาก BTCC แนะนำให้:
- ตรวจสอบแหล่งที่มาของซอฟต์แวร์ก่อนติดตั้ง
- ใช้ฮาร์ดแวร์วอลเล็ตสำหรับเก็บคริปโตจำนวนมาก
- เปิดใช้งานการยืนยันสองขั้นตอน (2FA) ทุกบัญชี
- อัปเดตซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการสม่ำเสมอ
สถิติการโจรกรรมคริปโตปี 2025
จากข้อมูลของ Coinmarketcap ในปี 2025 มีการโจรกรรมคริปโตผ่านมัลแวร์เพิ่มขึ้น 45% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยวิธีการโจมตีผ่านพอดแคสต์และสื่อสังคมออนไลน์มีสัดส่วนถึง 30% ของกรณีทั้งหมด
บทสรุปและคำแนะนำ
การโจมตีทางไซเบอร์ในวงการคริปโตมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนควรตระหนักถึงความเสี่ยงและใช้มาตรการป้องกันที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องไม่ตื่นตระหนกจนเกินไป แต่ให้เพิ่มความระมัดระวังในการใช้งานเทคโนโลยีทางการเงินเหล่านี้
คำถามที่พบบ่อย
มัลแวร์คริปโตทำงานอย่างไร?
มัลแวร์คริปโตถูกออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลสำคัญเช่น Private Key หรือ Seed Phrase จากอุปกรณ์ของผู้ใช้ บางชนิดอาจเปลี่ยนที่อยู่ปลายทางเมื่อผู้ใช้คัดลอกที่อยู่กระเป๋าเงิน
จะรู้ได้อย่างไรว่าว่าถูกโจมตีด้วยมัลแวร์?
สัญญาณเตือนรวมอุปกรณ์ทำงานช้าผิดปกติ, ไฟล์บางส่วนหายไป, หรือมีการใช้งาน CPU/GPU สูงโดยไม่ทราบสาเหตุ หากสงสัยว่าถูกโจมตี ควรตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทันทีและสแกนหามัลแวร์
ฮาร์ดแวร์วอลเล็ตช่วยป้องกันมัลแวร์ได้จริงหรือ?
ใช่ ฮาร์ดแวร์วอลเล็ตเช่น Ledger หรือ Trezor ช่วยลดความเสี่ยงได้มาก เพราะ Private Key จะไม่ออกจากอุปกรณ์แม้เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ที่ติดมัลแวร์