ETH ราคาคาดการณ์: เส้นทางสู่ $5,000 ท่ามกลางการรีเซ็ตทางเทคนิคและการสะสมของสถาบันการเงิน (อัปเดต 2025-10-15)
- ETH จะไปถึง $5,000 ได้หรือไม่?
- ปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลต่อราคา ETH?
- ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ
- คำถามที่พบบ่อย
ในตลาดคริปโตที่ผันผวนอย่างต่อเนื่อง Ethereum (ETH) กำลังดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก ด้วยราราคาปัจจุบันที่ $4,120 และการทดสอบแนวรับสำคัญที่ $3,800 การวิเคราะห์ล่าสุดจากทีมนักวิเคราะห์ BTCC ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพในการพุ่งแตะ $5,000 ในช่วงปลายปีนี้ แม้จะเผชิญกับความกดดันจากกระแสเงินไหลออกจาก ETF และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน แต่ปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของ Ethereum รวมถึงกิจกรรมบนเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นและการสะสมของสถาบันการเงินอย่าง BitMine ที่มีเป้าหมายครอบครอง 5% ของอุปทานทั้งหมด กำลังสร้างพื้นฐานที่มั่นคงสำหรับการเติบโตในระยะยาว
ETH จะไปถึง $5,000 ได้หรือไม่?
จากข้อมูลทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานในปัจจุบัน ETH มีศักยภาพที่จะแตะระดับ $5,000 ได้ แต่ต้องฝ่าด่านแนวต้านสำคัญหลายระดับ ราคาปัจจุบันของ ETH ที่ $4,120 ยังอยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วันที่ $4,257 ซึ่งบ่งชี้ถึงความกดดันขาลงในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ดัชนี MACD ที่แสดงแรงโมเมนตัมที่ดีขึ้นพร้อมฮิสโตแกรมที่ -4.96 ชี้ให้เห็นว่าว่าความกดดันขาลงเริ่มอ่อนกำลังลง
ที่มา: TradingView
เส้น Bollinger Bands วางตำแหน่ง ETH ใกล้กับแถบด้านล่างที่ $3,773 ซึ่งอาจทำหน้าที่เป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง การทะลุผ่านแถบกลางที่ $4,257 อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้นใหม่ที่มุ่งสู่ $5,000 ตามการวิเคราะห์จากทีม BTCC
ปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลต่อราคา ETH?
การรีเซ็ตทางเทคนิค: แนวรับ $3,800 อาจจุดประกายคลื่นขาขึ้นครั้งต่อไป
Ethereum กำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญขณะที่รวมตัวใกล้แนวรับสำคัญที่ $3,800 ตัวชี้วัดทางเทคนิคและการเคลื่อนไหวของราราคาบ่งชี้ถึงศักยภาพในการกลับตัวเป็นขาขึ้นหลังจากช่วงการปรับตัวลง การที่คริปโตเคอร์เรนซีนี้ทะลุแนวรับสำคัญที่ $4,060 อาจส่งสัญญาณความกดดันขาลงในระยะสั้น นักวิเคราะห์กำลังจับตาดูโซน $3,800 อย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความต้องการสูงในอดีต
หากไม่สามารถยึดระดับนี้ได้ อาจก่อให้เกิดการปรับตัวลงที่ลึกขึ้นสู่ช่วง $3,400-$3,600 เพื่อสร้างฐานสะสมที่แข็งแกร่งขึ้นสำหรับการขึ้นรอบใหม่ ในทางกลับกัน การกลับมามาทะลุ $4,060 และ $4,250 จะยืนยันว่าการปรับตัวลงนี้เป็นเพียงช่วงการแก้ไขภายในแนวโน้มขาขึ้นที่กว้างขึ้น ซึ่งอาจจุดประกายความเชื่อมั่นของตลาดและสร้างแรงผลักดันขาขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
การไหลออกของสเตเบิลคอยน์: ยอดถอนออกจากแลกเปลี่ยนสูงสุดนับตั้งแต่พฤษภาคม 2021
สเตเบิลคอยน์บน Ethereum กำลังประสบกับการไหลออกจากศูนย์ซื้อขายแบบรวมศูนย์มากที่สุดในรอบกว่ากว่าสามปี ข้อมูลการวิเคราะห์บนเชนเปิดเผยถึงการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของธุรกรรมการถอนไปยังกระเป๋าสตางค์ที่เก็บด้วยตนเอง ซึ่งถึงระดับที่ไม่เคยเห็นตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2021
แนวโน้มนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของนักลงทุน แทนที่จะรักษาสเตเบิลคอยน์ไว้ในยอดคงเหลือของแลกเปลี่ยนเพื่อโอกาสในการเทรด ผู้เข้าร่วมตลาดกำลังย้ายพวกมันไปยังกระเป๋าสตางค์ส่วนตัวมากขึ้นเรื่อยๆ การเคลื่อนไหวดังกล่าวมักบ่งชี้ถึงกลยุทธ์การถือครองระยะยาวหรือการเตรียมพร้อมสำหรับการใช้งานในระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi)
ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ
Tom Lee ประธาน BitMine Immersion Technologies ให้ความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันว่า "เรามองว่าว่าการปรับตัวลงของตลาดเป็นหน้าหน้าต่างส่วนลด และกำลังเร่งความเร็วสู่เป้าหมายการครอบครอง 5% ของอุปทาน ETH ทั้งหมด" ในขณะที่ Fundstrat ยังคงยืนยันเป้าหมายราราคาสิ้นปีที่ $10,000-$12,000 สำหรับ ETH แม้จะมีข้อสงสัยจากนักเทรดออปชั่น
จากข้อมูลของ CoinMarketCap ปริมาณการซื้อขาย ETH ใน 24 ชั่วโมงล่าสุดอยู่ที่ $18.7 พันล้านดอลลาร์ โดยมี BTCC เป็นหนึ่งในแลกเปลี่ยนหลักที่รองรับการซื้อขายคู่ ETH/USDT
คำถามที่พบบ่อย
ETH มีแนวโน้มจะแตะ $5,000 ในปี 2025 หรือไม่?
จากปัจจัยทางเทคนิคและพื้นฐานในปัจจุบัน ETH มีศักยภาพที่จะแตะ $5,000 ได้ แต่ต้องฝ่าด่านแนวต้านสำคัญที่ $4,257 และ $4,741 ก่อน การสะสมของสถาบันการเงินและกิจกรรมบนเครือข่ายที่แข็งแกร่งเป็นสัญญาณบวกสำหรับการเติบโตในระยะยาว
ปัจจัยใดที่อาจขัดขวางการเติบโตของ ETH?
ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การไหลออกจาก ETF ที่ต่อเนื่อง และการเปลี่ยนแปลงนโยบายการควบคุมอาจสร้างความกดดันขาลงในระยะสั้นให้กับราราคา ETH อย่างไรก็ตาม ปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของ Ethereum มักจะช่วยให้ฟื้นตัวได้หลังจากความผันผวนดังกล่าว
นักลงทุนรายย่อยควรวางกลยุทธ์อย่างไรกับ ETH ในตอนนี้?
กลยุทธ์การสะสมในช่วงราราคาปรับตัวลงใกล้แนวรับสำคัญที่ $3,800 อาจให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว การกระจายการลงทุนและไม่ลงทุนมากเกินไปเป็นแนวทางที่แนะนำสำหรับนักลงทุนรายย่อย