BTCC / BTCC Square / TitanCapital /
GENIUS Act 2025: กฎหมายคริปโตที่เปลี่ยนเกมการชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์

GENIUS Act 2025: กฎหมายคริปโตที่เปลี่ยนเกมการชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์

Published:
2025-08-05 16:00:04


GENIUS Act ได้กลายเป็นกฎหมายสำคัญที่กำหนดกรอบการกำกับดูแลสเตเบิลคอยน์ในสหรัฐอเมริกา โดยผ่านความเห็นชอบจากทั้งสภาภาผู้แทนราราษฎรและวุฒิสภา กฎหมายนี้มุ่งสร้างความชัดเจนทางกฎหมาย ปกป้องผู้บริโภค และส่งเสริมนวัตกรรมทางการเงิน ผ่านการกำหนดมาตรฐานการออกสเตเบิลคอยน์แบบใหม่ ที่เน้นการสำรองทรัพย์สินคุณภาพสูง 1:1 และให้ความสำคัญกับการคุ้มครองผู้ถือสเตเบิลคอยน์ในกรณีล้มละลาย

GENIUS Act คืออะไร?

GENIUS Act หรือชื่อเต็มว่า Guiding and Establishing National Innovation for U.S. Stablecoins Act เป็นกฎหมายที่ผ่านการอนุมัติเมื่อเดือนกรกฎาคม 2025 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างกรอบกฎหมายสำหรับสเตเบิลคอยน์ประเภท "การชำระเงิน" ในสหรัฐอเมริกา กฎหมายนี้กำหนดให้สเตเบิลคอยน์ต้องได้รับการสนับสนุนจากสินทรัพย์สำรองคุณภาพสูง เช่น เงินสดหรือพันธบัตรรัฐบาล และออกโดยสถาบันที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น

กฎหมาย GENIUS Act เกิดขึ้นจากความต้องการสร้างความมั่นคงในระบบการเงินดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดสเตเบิลคอยน์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว กฎหมายนี้กำหนดให้สเตเบิลคอยน์ต้องมีสินทรัพย์สำรองในอัตราส่วน 1:1 พร้อมทั้งกำหนดมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคและการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส

หนึ่งในจุดเด่นของ GENIUS Act คือการสร้างความชัดเจนทางกฎหมายสำหรับทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้สเตเบิลคอยน์ โดยแบ่งผู้ให้บริการออกเป็น 3 ประเภทหลัก:

  • ผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตจากรัฐ (State Qualified Issuers)
  • ผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลกลาง (Federal Qualified Issuers)
  • ผู้ให้บริการจากต่างประเทศที่ได้รับการรับรอง (Foreign Issuers)
  • สำหรับผู้ให้บริการที่มีมูลค่าตลาดเกิน 10 พันล้านดอลลาร์ จะต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลกลางภายใน 360 วัน

    นอกจากนี้ GENIUS Act ยังกำหนดให้ผู้ให้บริการต้อง:

    • เปิดเผยนโยบายการแลกคืนสเตเบิลคอยน์
    • จัดทำรายงานประจำเดือนเกี่ยวกับสินทรัพย์สำรอง
    • ปฏิบัติตามกฎหมายป้องกันการฟอกเงินและมาตรการต่อต้านการก่อการร้าย

    การบังคับใช้ GENIUS Act คาดว่าจะส่งผลกระทบสำคัญต่อตลาดสเตเบิลคอยน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มความน่าเชื่อถือของสเตเบิลคอยน์ที่ออกในสหรัฐอเมริกา และอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างตลาดที่มีผู้เล่นขนาดเล็กบางรายอาจต้องออกจากตลาดเนื่องจากไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เข้มงวดได้

    ข้อมูลจาก Coinmarketcap ชี้ให้เห็นว่าว่าตลาดสเตเบิลคอยน์มีมูลค่ารวมกว่า 150 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 ก่อนการบังคับใช้ GENIUS Act ซึ่งแสดงถึงความสำคัญของกฎหมายนี้ต่อระบบการเงินดิจิทัล

    เหตุผลสำคัญที่ต้องมี GENIUS Act

    การเกิดขึ้นของ GENIUS Act มาจากความกังวลหลัก 3 ประการที่สำคัญต่อระบบการเงินและเศรษฐกิจดิจิทัล:

    1. ความมั่นคงทางการเงิน: เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการถอนเงินจำนวนมากที่อาจเกิดขึ้นหากสเตเบิลคอยน์ไม่มีสินทรัพย์สำรองเพียงพอ โดยกฎหมายกำหนดให้สเตเบิลคอยน์ต้องมีสินทรัพย์สำรองคุณภาพสูงในอัตรา 1:1 ซึ่งรวมถึงเงินสด, เงินฝากธนาคาร, พันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น และสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงอื่นๆ ที่ได้รับอนุมัติ นอกจากนี้ยังกำหนดให้มีการเปิดเผยข้อมูลสำรองทรัพย์สินทุกเดือน และมีนโยบายการไถ่ถอนที่ชัดเจน เพื่อป้องกันการขายทรัพย์สินอย่างรวดเร็วที่อาจสร้างความปั่นป่วนในตลาดการเงิน

    2. ความเท่าเทียมข้ามพรมแดน: กำหนดให้ผู้ให้บริการต่างชาติต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบเดียวกับผู้ให้บริการในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในด้านการป้องกันการฟอกเงินและการระงับการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย กฎหมายนี้ปิดช่องโหว่ที่ทำให้ผู้ให้บริการสหรัฐฯ เสียเปรียบในการแข่งขัน เนื่องจากก่อนหน้านี้ผู้ให้บริการต่างชาติสามารถเข้าเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ โดยไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย Bank Secrecy Act (BSA) และกฎระเบียบการคว่ำบาตรของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ

    3. ความชัดเจนทางกฎหมาย: สร้างกรอบกฎหมายที่ชัดเจนเพื่อส่งเสริมการยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลในวงกว้าง โดยเฉพาะการเสริมสร้างบทบาทของดอลลาร์สหรัฐฯ ในระบบการเงินโลก GENIUS Act กำหนดเส้นทางที่ชัดเจนสำหรับผู้ให้บริการทั้งในระดับรัฐและระดับสหพันธรัฐ พร้อมทั้งยอมรับโมเดลการกำกับดูแลของรัฐบางแห่งที่ได้มาตรฐาน เช่น กรอบการกำกับดูแลของ NYDFS (New York Department of Financial Services) ที่มีชื่อเสียงในด้านความเข้มงวด

    ข้อมูลเพิ่มเติมจากทีมวิเคราะห์ BTCC ชี้ให้เห็นว่า GENIUS Act ยังตอบโจทย์ความต้องการของตลาดด้วยการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้และนักลงทุน โดยเฉพาะในแง่ของการคุ้มครองผู้บริโภคและการจัดลำดับความสำคัญในการชำระบัญชีกรณีผู้ให้บริการล้มละลาย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้สเตเบิลคอยน์กลายเป็นเครื่องมือการชำระเงินที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง

    ข้อกำหนดสำคัญใน GENIUS Act

    กฎหมาย GENIUS Act ซึ่งผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรสสหรัฐฯ และได้รับการลงนามโดยประธานาธิบดีทรัมป์ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2025 ได้กำหนดกรอบการกำกับดูแลที่ชัดเจนสำหรับการออกสเตเบิลคอยน์ในสหรัฐอเมริกา โดยมีข้อกำหนดหลักที่สำคัญดังนี้:

    1. ข้อกำหนดการสำรองสินทรัพย์

    • ผู้ออกสเตเบิลคอยน์ต้องสำรองสินทรัพย์คุณภาพสูงในอัตราส่วน 1:1 สำหรับสเตเบิลคอยน์ทั้งหมดที่ออก
    • สินทรัพย์สำรองที่อนุญาต ได้แก่ เงินสดดอลลาร์สหรัฐ เงินฝากในสถาบันการเงินที่มีการประกัน ตราสารหนี้ระยะสั้นของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ (Treasuries) และข้อตกลงซื้อคืน (repo) ระยะสั้น
    • ห้ามนำสินทรัพย์สำรองไปใช้เป็นหลักประกันหรือนำไปใช้ประโยชน์อื่นใด

    2. ข้อกำหนดการเปิดเผยข้อมูล

    • ต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์สำรองทุกเดือนผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
    • ต้องมีนโยบายการแลกคืนที่ชัดเจนและเปิดเผยต่อสาธารณะ
    • ผู้บริหารระดับสูง (CEO และ CFO) ต้องรับรองรายงานประจำเดือนเกี่ยวกับสินทรัพย์สำรองด้วยตนเอง
    • ต้องจ้างผู้สอบบัญชีอิสระเพื่อตรวจสอบรายงานดังกล่าว

    3. ข้อกำหนดด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบ

    • ต้องปฏิบัติตามกฎหมายต่อต้านการฟอกเงิน (AML) และมาตรการคว่ำบาตรอย่างเคร่งครัด
    • สำหรับผู้ออกต่างชาติ ต้องลงทะเบียนกับ OCC และยินยอมให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสหรัฐฯ
    • ต้องมีระบบเทคโนโลยีที่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งของทางการสหรัฐฯ ได้

    4. ข้อจำกัดอื่นๆ

    • ห้ามเสนอผลตอบแทนหรือดอกเบี้ยให้กับผู้ถือสเตเบิลคอยน์
    • ห้ามแสดงว่าว่าสเตเบิลคอยน์ได้รับการคุ้มครองโดยการประกันเงินฝากของรัฐบาลกลาง (FDIC)
    • ห้ามบังคับให้ลูกค้าต้องใช้บริการอื่นๆ ของผู้ออกเป็นเงื่อนไขในการใช้สเตเบิลคอยน์

    5. การคุ้มครองผู้ถือสเตเบิลคอยน์

    • ในกรณีที่ผู้ออกล้มละลาย ผู้ถือสเตเบิลคอยน์จะได้รับสิทธิ์เรียกร้องสินทรัพย์สำรองก่อนเจ้าเจ้าเจ้าหนี้รายอื่น
    • ต้องมีระบบการเก็บรักษาสินทรัพย์สำรองที่ปลอดภัยและแยกจากสินทรัพย์อื่น

    ข้อมูลจาก Coinmarketcap ระบุว่าว่าตลาดสเตเบิลคอยน์ทั่วโลกมีมูลค่ากว่า 150 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 โดย USD Tether (USDT) และ USD Coin (USDC) เป็นสเตเบิลคอยน์ที่มีการซื้อขายมากที่สุดบนแพลตฟอร์มต่างๆ รวมถึง BTCC

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสเตเบิลคอยน์

    GENIUS Act จะเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมสเตเบิลคอยน์ของสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกอย่างสิ้นเชิง โดยมีผลกระทบสำคัญดังนี้:

    1. การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม

    - ผู้ให้บริการขนาดเล็กที่ไม่สามารถปรับตัวตามข้อกำหนดกฎหมายใหม่อาจต้องออกจากตลาดหรือถูกควบรวมกิจการ

    - สถาบันการเงินแบบดั้งเดิมเช่นธนาคารจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการออกสเตเบิลคอยน์

    - มีการคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมจะเกิดการควบรวมกิจการเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 30-40% ในปีแรกหลังกฎหมายมีผลบังคับใช้

    2. การแข่งขันที่เปลี่ยนไป

    - ผู้ให้บริการที่ได้รับการรับรองจาก NYDFS (New York Department of Financial Services) จะได้เปรียบในการแข่งขันเนื่องจากกฎระเบียบของนิวยอร์กสอดคล้องกับ GENIUS Act อยู่แล้ว

    - บริษัทที่เกินมูลค่าค่าค่าตลาด 10,000 ล้านดอลลาร์จะต้องเปลี่ยนไปอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลกลางภายใน 360 วัน

    - ผู้ให้บริการจากต่างประเทศจะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานเดียวกันกับบริษัทสหรัฐฯ จึงจะสามารถดำเนินการในตลาดสหรัฐฯได้

    3. ผลกระทบต่อผู้ใช้งาน

    - ผู้บริโภคจะได้รับความคุ้มครองมากขึ้นจากการกำหนดให้สเตเบิลคอยน์ต้องมีสินทรัพย์สำรอง 1:1

    - มีการเปิดเผยข้อมูลสินทรัพย์สำรองทุกเดือนเพื่อความโปร่งใส

    - ผู้ถือสเตเบิลคอยน์จะได้รับสิทธิ์ก่อนในกรณีที่บริษัทผู้ออกล้มละลาย

    4. การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี

    - บริษัทต่างๆ จะต้องลงทุนปรับปรุงระบบเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดใหม่

    - มีการคาดการณ์ว่าการใช้สเตเบิลคอยน์ในการชำระเงินข้ามพรมแดนจะเพิ่มขึ้น 50-60% ภายใน 2 ปี

    ข้อมูลอ้างอิง: Coinmarketcap, TradingView, ข้อมูลจาก BTCC Exchange

    ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ

    คริสเตียน คาตาลินี ผู้ก่อตั้ง MIT Cryptoeconomics Lab ให้ความเห็นว่า "กฎหมาย GENIUS Act นี้จะสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมสเตเบิลคอยน์ โดยจะเปิดทางให้ผู้ให้บริการจำนวนมากเข้ามาในตลาด ผู้บริโภคจะมีทางเลือกมากขึ้น และจะนำไปสู่การแข่งขันและนวัตกรรมในการชำระเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการชำระเงินข้ามพรมแดนที่สเตเบิลคอยน์สามารถลดค่าค่าค่า่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมได้อย่างมีนัยสำคัญ"

    ทางด้านวุฒิสมามาชิกเอลิซาเบธ วอร์เรน แสดงความกังวลอย่างชัดเจนว่า "กฎหมายนี้ยังมีข้อบกพร่องในการปกป้องผู้บริโภคและตรวจสอบการซื้อขายสเตเบิลคอยน์ที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นจากธุรกิจสเตเบิลคอยน์ของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์"

    จากข้อมูลของ CoinMarketCap แสดงให้เห็นว่าว่าตลาดสเตเบิลคอยน์มีมูลค่าค่ากว่า 150 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องหลังจากการบังคับใช้กฎหมาย GENIUS Act ซึ่งจะสร้างความชัดเจนด้านกฎระเบียบให้กับอุตสาหกรรม

    ทีมวิเคราะห์ของ BTCC ระบุว่า "กฎหมายนี้จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาดครั้งสำคัญ โดยผู้ให้บริการที่ได้รับการรับรองจาก NYDFS จะได้เปรียบในการแข่งขัน เนื่องจากมีมาตรฐานการกำกับดูแลที่สอดคล้องกับข้อกำหนดของกฎหมายใหม่นี้อยู่แล้ว"

    นอกจากนี้ กฎหมายยังกำหนดให้ผู้ให้บริการสเตเบิลคอยน์ต้องมีสินทรัพย์สำรองคุณภาพสูงในอัตราส่วน 1:1 พร้อมเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสทุกเดือน ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานและส่งเสริมการเติบโตของตลาดในระยะยาว

    อนาคตของสเตเบิลคอยน์หลัง GENIUS Act

    แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่ GENIUS Act ถือเป็นก้าวสำคัญในการทำให้สเตเบิลคอยน์กลายเป็นเครื่องมือการชำระเงินกระแสหลัก ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า:

    - สเตเบิลคอยน์จะถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในการชำระเงินข้ามพรมแดน

    - ธุรกิจต่างๆ จะเริ่มนำสเตเบิลคอยน์มาใช้ในระบบลoyalty และการชำระเงิน

    - ความต้องการพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นจากการสำรองทรัพย์สินของสเตเบิลคอยน์

    หมายเหตุ: บทความนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน

    คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ GENIUS Act

    GENIUS Act มีผลบังคับใช้เมื่อไร?

    GENIUS Act จะมีผลบังคับใช้ภายใน 18 เดือนหลังจากผ่านกฎหมาย หรือ 120 วันหลังจากออกกฎหมายลูกแล้วแต่กรณีใดจะเกิดขึ้นก่อน

    ผู้บริโภคจะได้ประโยชน์อะไรจาก GENIUS Act?

    ผู้บริโภคจะได้รับความคุ้มครองมากขึ้นจากการที่สเตเบิลคอยน์ต้องมีสินทรัพย์สำรอง 1:1 และมีสิทธิ์ได้รับเงินคืนก่อนเจ้าเจ้าหนี้อื่นในกรณีที่ผู้ให้บริการล้มละลาย

    สเตเบิลคอยน์ต่างประเทศจะสามารถใช้งานในสหรัฐฯได้หรือไม่?

    สเตเบิลคอยน์จากผู้ให้บริการต่างชาติสามารถใช้งานในสหรัฐฯได้เฉพาะกรณีที่ผู้ให้บริการนั้นอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายที่เทียบเท่ากับ GENIUS Act และลงทะเบียนกับ OCC แล้วเท่านั้น

    GENIUS Act เกี่ยวข้องกับ CLARITY Act อย่างไร?

    GENIUS Act มุ่งเน้นไปที่การออกสเตเบิลคอยน์เป็นหลัก ในขณะที่ CLARITY Act ซึ่งผ่านสภาภาผู้แทนราราษฎรพร้อมกัน เกี่ยวข้องกับโครงสร้างตลาดสำหรับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยทั่วไป

    |Square

    ดาวน์โหลดแอป BTCC เพื่อเริ่มต้นเส้นทางคริปโตของคุณ

    สมัครเลยวันนี้ สแกน เพื่อเข้าร่วมชุมชนที่มีผู้ใช้ กว่า 100 ล้านคน