Ethereum ราคาพุ่งสู่ 5,500 ดอลลาร์! ความต้องการจากสถาบันและการทะลุแนวต้านทางเทคนิค (อัปเดต 2025-09-04)
- ETH จะทะลุ 5,500 ดอลลาร์ได้จริงหรือ?
- การวิเคราะห์ทางเทคนิค: สัญญาณบวกที่ชัดเจน
- ความต้องการจากสถาบัน: แรงหนุนสำคัญ
- ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคา ETH
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับราราคา Ethereum
การวิเคราะห์ล่าสุดชี้ว่า Ethereum (ETH) กำลังเตรียมตัวสำหรับการพุ่งทะลุขึ้นสู่ระดับ 5,500 ดอลลาร์ จากการรวมตัวของปัจจัยพื้นฐานและทางเทคนิคที่แข็งแกร่ง ทั้งความต้องการจากนักลงทุนสถาบันที่เพิ่มสูงขึ้น พร้อมด้วยสัญญาณการทะลุแนวต้านทางเทคนิคที่ชัดเจน ข้อมูลจาก CoinMarketCap ระบุว่า ETH ปัจจุบันมีการถือครองโดยสถาบันกว่า 20.32 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่กราาฟราราคาแสดงสัญญาณ bullish ที่น่าสนใจ
ETH จะทะลุ 5,500 ดอลลาร์ได้จริงหรือ?
จากข้อมูลการวิเคราะห์ของ BTCC ทีมนักวิเคราะห์มองว่า ETH มีศักยภาพที่จะพุ่งไปแตะ 5,500 ดอลลาร์ ภายใน 4-6 เดือนข้างหน้า จากการรวมตัวของ 3 ปัจจัยหลัก:
- ความต้องการจากสถาบันที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะการเข้าเข้าซื้อ ETH กว่า 358 ล้านดอลลาร์ของ Bitmine
- สภาพคล่องในตลาดที่ลดลง จากสถิติกว่า 75% ของ ETH ที่ถูกถือครองระยะยาว
- โมเมนตัมเชิงเทคนิคที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะการปรับตัวขึ้นของ MACD และการทดสอบแนวต้านสำคัญ
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: สัญญาณบวกที่ชัดเจน
ณ วันที่ 4 กันยายน 2025 ETH กำลังซื้อขายอยู่ที่ 4,413.11 ดอลลาร์ ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วันเพียงเล็กน้อยที่ 4,442.99 ดอลลาร์ ซึ่งแสดงถึงการรวมตัวในระยะสั้น
ค่าค่าดัชนี MACD ที่ -58.20 เมื่อเทียบกับเส้นสัญญาณที่ -81.87 แสดงให้เห็นถึงโมเมนตัมที่ดีขึ้น แม้จะยังอยู่ในเขตติดลบก็ตาม Bollinger Bands วางตำแหน่งราราคาระหว่าง 4,077 ถึง 4,810 ดอลลาร์ ชี้ให้เห็นถึงพื้นที่สำหรับการเคลื่อนไหวขึ้นไปทดสอบแนวต้านด้านบน
นักวิเคราะห์จาก BTCC ให้ความเห็นว่า "การตั้งค่าค่าทางเทคนิคชี้ให้เห็นว่า ETH กำลังสร้างฐานสำหรับการทะลุแนวต้านที่อาจเกิดขึ้น ค่า MACD histogram ที่เปลี่ยนเป็นบวกที่ 23.67 บ่งบอกถึงโมเมนตัมขาขึ้นที่กำลังสร้างตัว ในขณะที่การซื้อขายเหนือแนวรับ Bollinger Band ด้านล่างยังคงรักษาโครงสร้างแนวโน้มขาขึ้นโดยรวมไว้ได้"
ความต้องการจากสถาบัน: แรงหนุนสำคัญ
กิจกรรมล่าสุดจากนักลงทุนสถาบัน รวมถึงการเข้าเข้าซื้อ ETH มูลค่า 358 ล้านดอลลาร์ของ Bitmine จาก Galaxy Digital และ FalconX ชี้ให้เห็นถึงความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นในหมู่บริษัทขนาดใหญ่
เมตริกเครือข่าย Ethereum แสดงความแข็งแกร่งด้วยจำนวนธุรกรรมรายวันแตะระดับสูงสุดใน 12 เดือน ขณะที่การถือครองโดยสถาบันทะลุ 20.32 พันล้านดอลลาร์
นักวิเคราะห์จาก BTCC กล่าวเสริมว่า "การรวมตัวของการสะสมโดยสถาบัน โมเมนตัม ETF และการเติบโตของกิจกรรมบนเครือข่าย สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ แม้จะมีเหตุการณ์ขายโดยนักลงทุนขนาดใหญ่ที่ก่อให้เกิดความผันผวนในระยะสั้น แต่รูปแบบความต้องการจากสถาบันที่แท้จริงยังคงเป็นขาขึ้นที่แข็งแกร่ง"
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคา ETH
1. Bitmine เข้าซื้อ ETH มูลค่า 358 ล้านดอลลาร์
Bitmine ผู้ถือ Ethereum รายใหญ่ที่สุดในบรรดาบริษัทต่างๆ ได้เสริมความแข็งแกร่งของตำแหน่งด้วยการเข้าซื้อ ETH เพิ่มอีก 80,325 ETH มูลค่า 358 ล้านดอลลาร์ จากแพลตฟอร์มสถาบัน Galaxy Digital และ FalconX
การเข้าเข้าซื้อครั้งนี้ทำให้ Bitmine มีการถือครองรวมถึง 1.94 ล้าน ETH มูลค่า 8.69 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่ากว่าสองเท่า่าของ SharpLink คู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุด การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์การสะสม Bitcoin ของ MicroStrategy ที่เน้นย้ำถึงความอยากได้สินทรัพย์คริปโตที่เพิ่มขึ้นในหมู่สถาบัน
2. ราคา ETH เ เผชิญแนวต้านสำคัญที่ 4,500 ดอลลาร์
ราราคา Ethereum ได้เริ่มคลื่นการฟื้นตัว โดยพุ่งขึ้นเหนือโซน 4,350 ดอลลาร์ แต่ตอนนี้กำลังเผชิญกับการทดสอบที่สำคัญที่ระดับแนวต้าน 4,500 ดอลลาร์
เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบง่าย 100 ชั่วโมงและเส้นแนวโน้มขาลงที่ถูกทำลายที่ 4,385 ดอลลาร์ ชี้ให้เห็นถึงโมเมนตัมขาขึ้นเบื้องต้น การปิดราราคาที่เด็ดขาดเหนือ 4,500 ดอลลาร์อาจเปิดทางสำหรับกำไรเพิ่มเติมไปสู่ 4,620 ดอลลาร์ ในขณะที่ความล้มเหลวในการทะลุผ่านอาจยืดเวลาการรวมตัวออกไป
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับราราคา Ethereum
ETH มีโอกาสขึ้นไปถึง 5,500 ดอลลาร์หรือไม่?
จากการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและทางเทคนิคในปัจจุบัน ETH มีศักยภาพที่จะแตะ 5,500 ดอลลาร์ ในระยะกลาง โมเมนตัมจากสถาบันและการเติบโตของเครือข่ายเป็นปัจจัยสนับสนุนหลัก
แนวต้านสำคัญของ ETH อยู่ที่ใด?
ระดับ 4,500 ดอลลาร์ เป็นแนวต้านสำคัญในระยะสั้น หากทะลุผ่านได้อาจเปิดทางสู่ 4,800 และ 5,200 ดอลลาร์ ตามลำดับ
สถาบันมีการถือครอง ETH เท่าไร?
ณ กันยายน 2025 สถาบัน 71 แห่งถือ ETH รวม 4.71 ล้าน ETH หรือประมาณ 3.9% ของอุปทานหมุนเวียน มูลค่ารวม 20.32 พันล้านดอลลาร์
